สำรวจตลาด E-Commerce ในสหรัฐฯคาดมีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2017

ปัจจุบันการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ (E-Commerce) กลายเป็นรูปแบบในการทำธุรกิจที่ได้รับความนิยม และถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2012 ที่ผ่านมาทั่วโลกมีมูลค่าการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกันสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก

และเพื่อให้เห็นถึงทิศทางในการซื้อสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามี Infographic จากเว็บไซต์ Invesp.com ที่ได้ทำการรวบรวมสถิติเกี่ยวกับธุรกิจ E-Commerce ในสหรัฐฯ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตลาดที่มีความยิ่งใหญ่และมีความน่าสนใจแห่งหนึ่งของโลกมานำเสนอให้ติดตามกัน

เว็บไซต์ Invesp.com รายงานว่า ในปีนี้ (2013) มูลค่าของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ของสหรัฐฯมีแนวโน้มเพิ่มสูงถึง 258,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และอนาคตในปี 2017 หรือในอีกเพียงแค่ 4 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าสามารถทำมูลค่าเพิ่มสูงถีง 434,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 10% ของมูลค่าค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐฯ

และช่องทางในการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในเวลานี้ ได้แก่ การซื้อสินค้าออนไลน์บนมือถือและแท็บเล็ต (M-Commerce) ซึ่งในปี 2013 คาดว่า การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านทางอุปกรณ์เคลื่อนที่จะมีมูลค่าอยู่ที่ 38,840 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของมูลค่าค้าปลีกทั้งหมดในอเมริกา ส่วนในอนาคตมีการประเมินมีการประเมินต่อไปว่าจะมีแนวโน้มทำมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 108,560 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายในปี 2017

สินค้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวอเมริกันในการซื้อผ่านทางออนไลน์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดอยู่ที่ 21.93% รองลงมาเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับ (20.93%) รถยนต์และอะไหล่รถยนต์ (9.84%) หนังสือ, เพลงและวีอีโอ (9.42%) และปิดท้ายด้วยอันดับที่ 5 เฟอร์นิเจอร์ (7.8%)

กลุ่มผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์สูงสุด คือ กลุ่มผู้สูงอายุ (55-64 ปี) 77.6% ตามมาด้วยกลุ่มผู้ใหญ่ (35-44 ปี) 77.4% และอายุ 45-54 ปี (76.2%) ส่วนกลุ่มที่ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์น้อยที่สุดเป็นกลุ่มเด็กและวัยรุ่น (14-17 ปี) ซึ่งมีสัดส่วนเพียงแค่ 54.8% เท่านั้น

ส่วนเว็บไซต์ 5 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมและมีจำนวนผู้ชมเข้ามาบนเว็บไซต์ต่อเดือนมากที่สุดประกอบด้วย Amazon ซึ่งมีจำนวนสูงสุดอยู่ที่ 164 ล้านคน รองลงมาเป็นเว็บไซต์ค้าปลีกยอดฮิตที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง Ebay (92 ล้านคน) Wallmart (57 ล้านคน) Apple (55 ล้านคน) และอันดับที่ 5 คือ Target (40 ล้านคน)

us-online-retail-sales-statistics-and-trends-infographic_51d840234fe51.jpg

บทวิเคราะห์
จากผลการสำรวจนี้เห็นว่าโอกาสทางธุรกิจ E-Commerce ยังเติบโตไปได้อีกเยอะด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น อุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อ internet ได้นอกเหนือจาก PC เช่น โทรศัพท์มือถือ, Tablet อีกทั้งระบบ Internet ที่มีประสิทธิภาพสูง และการซื้อขายสินค้า on-line ทำได้สะดวกรวดเร็วและมีความปลอดภัยมากขึ้นผ่านระบบตัดบัตร credit ที่มีการ verify password หรือผ่าน paypal ซึ่งเป็นระบบที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก

เราสามารถสร้างโอกาสในการขยายตลาดโดยไม่ต้องไปตั้งสาขาในต่างประเทศและสามารถขยายตลาดไปได้ทั่วโลกผ่านการขายสินค้า on-line แต่ทำอย่างไรเราจึงจะประสบความสำเร็จได้นั้นเป็นข้อ concern ที่สำคัญมาก
นอกจากสินค้าของเราจะต้องมีคุณภาพแล้วนั้น ความรวดเร็วในการให้บริการหรือ response feedback จากลูกค้า อีกทั้ง packaging และการจัดรูปแบบ display หน้า website ให้ดึงดูดใจก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อธุรกิจอีกด้วย

**source: **
http://thumbsup.in.th/2013/07/ecommerce-mcommerce-usa-stat-global-sales/

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License