How to Compete When IT Is Abundant

How to Compete When IT Is Abundant

by Aaron Levie | 11:00 AM June 26, 201
(http://blogs.hbr.org/cs/2013/06/it_doesnt_matter_but_information_does.html)

"You only gain an edge over rivals by having or doing something that they can't have or do," wrote Nicholas Carr ten years ago in his controversial HBR article, "IT Doesn't Matter."

Carr predicted that an organization's ability to compete through investing in information technology was about to change dramatically. When "the core functions of IT — data storage, data processing, and data transport — have become available and affordable to all," he wrote, IT would cease to be a source of competitive advantage.

This was not yet reality at the time of Carr's article. The IT boom of the 1980s and early '90s had brought information technology to the corporate masses, unleashing the first full-scale technology revolution in the enterprise. To stay competitive, businesses rapidly embraced PCs, and the subsequent transition to the client/server era.

The original IT department was formed to centralize a unique expertise that could purchase, implement, and manage technology in the enterprise. And given the complexities involved in building up competitive IT weaponry, businesses won by out-spending and out-resourcing their opponents. Only the largest of enterprises could afford the best technologies, and even for those with the largest bank accounts, IT strategies were limited to basics like CRM, ERP, or email.

Today, though, Carr's prediction is coming true. We're in the early days of yet another seismic shift in IT, this time driven by mobile devices, the cloud, and a demand for technology experiences that match the simplicity of the consumer world. We are moving abruptly from an era of IT scarcity to one of abundance.

This end of IT scarcity begs an interesting and important question. How do companies differentiate in a world where access to technology is no longer a competitive advantage?

Information Eats the Enterprise

With the swipe of a credit card, the customer support team can move to Zendesk or Desk.com; the HR team lives on Workday; the business intelligence group moves to GoodData or Domo; the finance team logs into Netsuite; the marketing department orbits around Marketo and Salesforce's marketing cloud. Whereas in the client/server world managing these disparate systems would have taken up the vast majority of a company's IT budget and time, today an organization can be on dozens of job-specific, tailored solutions in days. The cloud enables enterprises to efficiently implement best-of-breed services while serving the varied needs of a business.

But here's the surprise twist: Whereas many feared — and Carr more or less predicted — that the cloud would drive the extinction of the IT organization, the sudden avalanche of technology is actually making the IT function more important than ever before. Rather than serving as an adjunct to the core business, or merely a cost center, IT is becoming intrinsic to the very products and services that every company offers.

Why is this? Mainly because, as Marc Andreessen puts it, "software is eating the world." A recent Accenture report concurs, claiming that every business is now a digital business:

Every industry is now software driven; as such, every company must adopt IT as one of its core competencies … Here is Nike using wireless sensors and Web technology to create a performance-tracking system that allows it to create new services to monitor, and to improve and create new training routines for athletes. There is Ford, using sensor data to monitor both how a car operates and the driver's behavior, and seeking to apply analytics to improve the experience for the next generation.

As software eats the world, information is eating the enterprise. Access to the right information at the right time from anywhere will transform every business and every industry. Competitiveness in IT will come from connecting employees and partners in meaningful ways to bring products to market faster (how does a supply chain process shrink from days to minutes?), supporting customers with new experiences (can my thermostat talk to my energy provider?), and surfacing the right people and knowledge to generate better ideas (how do I find experts across my organization that I'm not connected to?).

IT abundance will affect every job, product, and customer interaction. We're seeing retail outlets supply store employees with iPads chock full of product catalogs to improve in-store consultation, enabling them to be instant experts on the latest goods and services. Flextronics uses Workday to provide visibility into its global workforce of 200,000 employees, allowing it to move around talent and projects at a moment's notice. Kimberly Clark utilizes Salesforce's Chatter to connect to its customers for development of products. Education publishing businesses are digitizing their entire supply chain, creating an end-to-end experience that connects everything from the creative and production process to the delivery and interaction with students.

In this transition from a world of IT scarcity to abundance, competitive advantage has little to do with unique access to technology, and everything to do with unique access to — and use of — information. When technology is near-ubiquitous, it's the connection between people and information that drives business forward. Organizations that capitalize on this trend will ensure that as information eats the enterprise, they'll be the ones satiated.

บทสรุป

How to Compete When IT Is Abundant

จะแข่งขันกันยังไง เมื่อ IT มีเกร่อ

“คุณจะชนะคู่แข่งได้ก็ต่อเมื่อ คุณมีหรือทำบางอย่าง ที่คู่แข่งของคุณมีหรือทำไม่ได้”

นั่นเป็นประโยคที่ Nicholas Carr ได้เขียนไว้เมื่อสิบปีก่อน ในบทความที่ตีพิมพ์ใน HBR article ชื่อ "IT Doesn't Matter." ซึ่งเป็นบทความที่มีความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

Carr ได้ทำนายไว้ว่าความสามารถขององค์กรในการแข่งขันผ่านการลงทุนทางด้าน IT จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

“เมื่อหน้าที่หลักของ IT ซึ่งได้แก่ การเก็บข้อมูล การประมวลผลข้อมูล การส่งถ่ายข้อมูล ได้กลายเป็นสิ่งที่ใช้กันได้ทั่วไปและราคาย่อมเยาไปเสียทั้งหมด”

Carr กล่าว เมื่อนั้น IT ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความสำคัญในการสร้างความได้เปรียบของการแข่งขันอีกต่อไป

เดิมทีแผนก IT ของบริษัทก่อตัวขึ้นเพื่อใช้เป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่ม ที่สามารถซื้อ ใช้ และบริหารจัดการเทคโนโลยีในองค์กร นอกจากนี้ยังเหมือนเป็นแผนกที่สร้างอาวุธให้กับองค์กรสำหรับต่อสู้กับคู่แข่ง องค์กรจะสามารถชนะคู่แข่งได้จากการใช้จ่ายเงินและทรัพยากรจำนวนมากทางด้าน IT แต่ก็มีเพียงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และองค์กรที่มีเงินในธนาคารจำนวนมากเท่านั้นที่สามารถมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดได้ ณ ตอนนั้น กลยุทธ์ของ IT ถูกจำกัดด้วยการใช้งานเพียงแค่โปรแกรมขั้นพื้นฐานอย่างเช่น CRM EPR และ Email

วันนี้ แม้ว่าการพยากรณ์ของ Carr กำลังจะเป็นความจริง แต่เราก็กำลังอยู่ในช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้วงการ IT สั่นสะเทือนอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ผ่านการขับเคลื่อนของการให้บริการโทรศัพท์มือถือ cloud และความต้องการของการสร้างประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี

ซึ่งตรงกับความเรียบง่ายที่ผู้บริโภคกำลังต้องการ เรากำลังเคลื่อนย้ายอย่างกะทันหัน จากยุคที่ IT เกิดความขาดแคลนไปเป็นยุคที่ IT เป็นหนึ่งในความอุดมสมบูรณ์

การหมดยุคข้าวยากหมากแพงของวงการ IT นี้ ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจ บริษัทจะสร้างความแตกต่างในโลกที่การเข้าถึงเทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอีกต่อไปได้อย่างไร

Information eats the Enterprise

ข้อมูลข่าวสารกลืนกินองค์กร

เมื่อแผนกต่าง ๆ ในองค์กร เช่น ทีมสนับสนุนลูกค้า, HR, business intelligence, ทีมบัญชี และแผนกการตลาด สามารถอาศัย Workday, GoodData, Domo, Netsuite, Marketo และ Salesforce’s marketing cloud ในการทำงานในปัจจุบัน ทำให้องค์กรสามารถทำงานที่เจาะจง และแก้ปัญหาจำนวนมากในแต่ละวันได้อย่างรวดเร็ว แต่นี่คือจุดหักมุม : ในขณะที่หลายคนหวาดกลัวสิ่งที่ Carr ทำนายไว้ และเกรงว่า Cloud จะทำให้เกิดการสูญเสียของเทคโนโลยีภายในองค์กร เปรียบดังการเกิดหิมะถล่มอย่างเฉียบพลันของเทคโนโลยี แท้จริงแล้วกลับทำให้การทำงานของ IT มีความสำคัญมากกว่าเคยด้วยซ้ำไป แทนที่จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยให้กับธุรกิจหลัก หรือเป็นเพียงแค่แผนกที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่

IT กำลังจะกลายเป็นตัวจริงเสียงจริง ของทุกสินค้าหรือบริการที่ทุกบริษัทต้องมี

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? หลัก ๆ เลย ดังที่ Marc Andreessen ว่าไว้

“ซอฟต์แวร์กำลังกลืนกินโลก”

มีรายงานที่โดดเด่นล่าสุดเห็นพ้องกับประเด็นนี้โดยอ้างว่า

ทุกธุรกิจในปัจจุบันเป็นธุรกิจดิจิตอล

จากที่ได้เกริ่นไปว่าซอฟต์แวร์กำลังกลืนกินโลก ข้อมูลข่าวสารก็กำลังกลืนกินองค์กร การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมจากที่ต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงทุก ๆ ธุรกิจและทุก ๆ อุตสาหกรรม ความสามารถในการแข่งขันจะมาจากการเชื่อมโยงพนักงานและคู่ค้าในรูปแบบที่มีความหมาย เพื่อนำสินค้าเข้าสู่ตลาดให้เร็วขึ้น การสนับสนุนลูกค้าด้วยการให้ประสบการณ์ใหม่ และค้นหาคนและองค์ความรู้ที่เหมาะสมเพื่อต่อยอดความคิดที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ความพรั่งพร้อมของ IT จะส่งผลต่อทุก ๆ งาน ทุก ๆ สินค้าและทุก ๆ ปฏิกิริยาของลูกค้า เรากำลังมองเห็นพนักงานร้านค้าปลีกใช้ iPad ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลสินค้าเพื่อปรับปรุงการให้คำปรึกษาในห้างร้าน ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ทันทีในสินค้าและบริการล่าสุด Kimberly Clark นำ Salesforce’s Chatter เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าสำหรับการพัฒนาสินค้า ธุรกิจการเผยแพร่การศึกษากำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นดิจิตอลทำให้เกิดการสร้างประสบการณ์แบบ end-to-end ซึ่งเชื่อมโยงทุกสิ่งจากความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการผลิตเพื่อส่งต่อและปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน

ในการเปลี่ยนแปลงจากโลกของการขาดแคลน IT สู่โลกที่ IT มีความอุดมสมบูรณ์ การสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันนั้นมีสิ่งที่ต้องทำเพียงน้อยนิด นั่นก็คือการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร จะทำอย่างไรเพื่อให้เข้าถึงนั้น รวมถึงการใช้ข้อมูลข่าวสารด้วย เมื่อเทคโนโลยีอยู่ห่างจากสิ่งที่เรียกว่าการแพร่หลายเพียงแค่เอื้อม มันคือการเชื่อมโยงกันระหว่างผู้คนกับข่าวสารซึ่งช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้า องค์กรซึ่งลงทุนในแนวทางนี้จะมั่นใจได้ว่าแม้ว่าข้อมูลข่าวสารจะกลืนกินองค์กร

อย่างน้อยพวกเขาก็จะเป็นคนหนึ่งที่อิ่มเอม

บทวิเคราะห์

จากบทความ

How to Compete When IT Is Abundant หรือ จะแข่งขันกันยังไง เมื่อ IT มีเกร่อ

ของ Aaron Levie ซึ่งตีพิมพ์ใน HBR blog network เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2013 ซึ่งเป็นการตีพิมพ์หลังบทความซึ่งเป็นตำนานอย่าง "IT Doesn't Matter." ของ Nicholas Carr ซึ่งได้ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2003 ซึ่งแสดงว่า

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความสำคัญและจำเป็นของ IT หรือเทคโนโลยีสารสนเทศก็ยังคงเป็นที่ถกเถียง

และเป็นประเด็นร้อนของวงการเทคโนโลยีอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นในยุคของ Carr เอง และในยุคปัจจุบันนี้ ก็จะพบว่าความเห็นในเรื่องดังกล่าวจะแตกเป็น 2 ฝ่ายเสมอ

ซึ่งหากวิเคราะห์ดูแล้วจะพบว่า

ลักษณะเด่นที่สำคัญของ IT ที่ส่งผลต่อองค์กรหรือธุรกิจ

มีดังนี้คือ
1. IT ช่วยให้การทำงานรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ เช่น ใช้ในระบบฝากถอนเงิน และระบบจองตั๋วเครื่องบิน
2. IT ช่วยทำให้การบริการกว้างขวางขึ้น เมื่อมีการพัฒนาระบบเก็บและใช้ข้อมูล ทำให้การบริการต่างๆอยู่ในรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้
3. IT ช่วยดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในองค์กร ประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษีซึ่งในปัจจุบันองค์กรทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ทั้งสิ้น (ผู้เขียนยกตัวอย่างกรณีพนักงานร้านค้าปลีกใช้ iPad ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลสินค้าเพื่อปรับปรุงการให้คำปรึกษาในห้างร้าน ทำให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการได้ทันที)

ซึ่งลักษณะเด่นดังกล่าวของ IT ได้ส่งผลต่อธุรกิจคือทำให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาก ช่วยลดเวลาและงบประมาณการลงทุนในระยะยาว ทำให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของตนได้ชัดเจนขึ้น (ตัวอย่างเช่นกรณีของ Ford ซึ่งใช้ระบบดาตาเซ็นเซอร์ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรถและพฤติกรรมของผู้ขับรถ และพยายามใช้การวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์สำหรับรถรุ่นต่อ ๆ ไป) และที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือลักษณะเด่นประการสำคัญประการหนึ่งของ IT คือ IT สามารถเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคมและการกระจายโอกาส ลักษณะประการสำคัญของ IT คือ มันทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่งด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้ ซึ่งนั่นเอง ทำให้ IT กลายเป็นสิ่งที่ “เกร่อ” ในสายตาของบางคน

จริงอยู่ แม้วันนี้ IT อาจเกร่อ ตามที่หลายคนได้ตั้งข้อสังเกต แต่ IT กลับไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ในวันที่ Carr เขียนบทความอยู่นั้น ยังไม่มีการเกิดขึ้นของ Facebook การใช้ multimedia ในการทำธุรกิจอย่างชาญฉลาด และ cloud อย่างทุกวันนี้ ดังนั้น IT มีการพัฒนาและรุดหน้าจากการคิดค้นของมนุษย์ในทุก ๆ วินาทีที่โลกดำเนินไป องค์กรหรือบริษัทที่ฉลาดคือองค์กรที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของตนได้ก่อน และทำการพัฒนาเทคโนโลยีนั้นอย่างต่อเนื่องจนยากที่คู่แข่งจะตามทัน

อย่าลืมว่า การลงทุนเป็นจำนวนมากใน IT ของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้ผลตอบแทนหรือประสบความสำเร็จมากตามไปด้วย องค์กรที่ล้มเหลวในการนำ IT มาใช้ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากวิเคราะห์แล้ว จะพบว่า

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จและล้มเหลวของการนำ IT มาใช้ในการทำธุรกิจขององค์กร

นั้นมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน เช่น

1. ลักษณะของธุรกิจ โดยการนำ IT มาใช้ในองค์กรต้องเลือกลักษณะและชนิดของ IT นั้นให้มีความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของเรา และต้องมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาคุณภาพของสินค้าหรือบริการ และต้องทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเกิดความพอใจสูงสุดในธุรกิจของเรา
2. วัฒนธรรมองค์กร การนำ IT มาประยุกต์ใช้ในองค์กร ควรเป็นแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เนื่องจาก ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่เป็นผู้ใช้หรือบริหาร IT ก็คือมนุษย์ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทนั่นเอง ดังนั้นองค์กรควรทำการศึกษาวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองให้รู้อย่างถ่องแท้ และค่อย ๆ นำ IT มาใช้อย่างเหมาะสม อย่าลืมว่า IT ควรเข้ามาในองค์กรเพื่อช่วยให้คนในองค์กรทำงานง่ายขึ้น ไม่ใช่เข้ามาเพื่อเพิ่มงานและเป็นภาระ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น นอกจากจะทำให้เสียเวลา เสียเงินลงทุนแล้ว ผลงานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพต่ำลงด้วย
3. ทัศนคติของผู้นำองค์กร เป็นปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการนำ IT มาประยุกต์ใช้ เนื่องจากผู้นำองค์กรจำนวนมากตัดสินใจนำ IT เข้ามาใช้เนื่องจากเพื่อใช้สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรและใช้ตามบริษัทคู่แข่ง และไม่ได้มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนา IT นั้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อการตัดสินใจนำ IT มาใช้ของผู้นำองค์กร เป็นเพียงเหตุผลเพื่อเปลือกนอก ผลที่ตามมาของธุรกิจก็จะได้ผลเพียงแค่เปลือก แต่ไม่ใช่การพัฒนาเนื้อแท้ของธุรกิจ

ดังนั้นโจทย์หลักขององค์กรในการนำ IT มาประยุกต์ใช้ในองค์กรคือ ต้องหา IT ที่เหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ วัฒนธรรมและพนักงานในองค์กร รวมถึงผู้บริหารต้องเข้าใจเนื้อแท้และประโยชน์ของ IT อีกด้วย

ซึ่งหากองค์กรทำได้ดังนั้นแล้ว แม้ว่า IT จะมีจนเกร่อแค่ไหน แต่ก็มีประโยชน์ต่อทุกธุรกิจและทุกอุตสาหกรรม ดังที่ผู้เขียนได้สรุปไว้อย่างดีเยี่ยมในตอนท้ายว่า ในการเปลี่ยนแปลงจากโลกของการขาดแคลน IT สู่โลกที่ IT มีความอุดมสมบูรณ์ การสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันนั้นมีสิ่งที่ต้องทำเพียงน้อยนิด นั่นก็คือการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร จะทำอย่างไรเพื่อให้เข้าถึงนั้น รวมถึงการใช้ข้อมูลข่าวสารด้วย เมื่อเทคโนโลยีอยู่ห่างจากสิ่งที่เรียกว่าการแพร่หลายเพียงแค่เอื้อม มันคือการเชื่อมโยงกันระหว่างผู้คนกับข่าวสารซึ่งช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้า

องค์กรซึ่งลงทุนในแนวทางนี้จะมั่นใจได้ว่าแม้ว่าข้อมูลข่าวสารจะกลืนกินองค์กร อย่างน้อยพวกเขาก็จะเป็นคนหนึ่งที่อิ่มเอม
Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License